Fringe - นอนไม่หลับแล้วก็ต้องไปดูโลกคู่ขนานกันไหม!?

 Fringe - นอนไม่หลับแล้วก็ต้องไปดูโลกคู่ขนานกันไหม!?

สำหรับนักดูซีรีส์ยุค 2008 คงจะคุ้นเคยกับคำว่า “Science Fiction” หรือ “Sci-Fi” ที่มักมาพร้อมกับภาพยนตร์และซีรีส์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเทคโนโลยีล้ำสมัย ยานอวกาศ สิ่งมีชีวิตต่างดาว และโลกในอนาคตที่น่าตื่นตาตื่นใจ

แต่ถ้าจะให้พูดถึง Sci-Fi ซีรีส์ที่ผสานความเป็น “Mystery” หรือ “Thriller” เข้าไปอย่างลงตัว ฉันขอแนะนำ “Fringe” ซีรีส์จากปี 2008 ที่นำเสนอเรื่องราวของหน่วย FBI สาขา “Fringe Division” ที่ต้องสืบสวนคดีพิสดารที่เกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ และการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่ผิดพลาด

“Fringe” ไม่ใช่แค่ซีรีส์ Sci-Fi ปกติ แต่ยังเป็นเรื่องราวของครอบครัวและความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร ซึ่งนำแสดงโดย

  • Anna Torv รับบท Olivia Dunham: เอเย่นต์ FBI ที่มีอดีตที่มืดมัวและมีความสามารถพิเศษในการรับรู้สิ่งเหนือธรรมชาติ
  • Joshua Jackson รับบท Peter Bishop: อัจฉริยะด้านวิทยาศาสตร์ ที่ร่วมมือกับ Olivia เพื่อไขความลับ
  • John Noble รับบท Walter Bishop: นักวิทยาศาสตร์ผู้บิดเบี้ยว ผู้เป็นทั้งพ่อของ Peter และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทดลองที่นำไปสู่ความหายนะ

ตลอด 5 ฤดู “Fringe” พาเราไปสำรวจโลกคู่ขนาน (Alternate Universe) ที่เต็มไปด้วยปริศนาและตัวละครคู่ขนานที่น่าสนใจ ตัวอย่างเช่น Walter Bishop ในโลกคู่ขนานเป็นคนโหดร้ายและเจ้าเล่ห์มาก

นอกจากนี้ “Fringe” ยังสร้างความตื่นเต้นด้วยการผสมผสานเรื่องราวระหว่างคดีสืบสวนรายสัปดาห์ (Monster of the Week) และพล็อตหลักที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการต่อสู้ของ Olivia, Peter, and Walter กับ “The Observers” ซึ่งเป็นกลุ่มคนต่างดาวที่มีความสามารถเหนือมนุษย์

ประเด็นสำคัญที่ทำให้ “Fringe” เป็นซีรีส์ Sci-Fi ที่โดดเด่น:

  • โลกคู่ขนาน:
    แนวคิดของโลกคู่ขนานได้รับการพัฒนาอย่างชาญฉลาดและมีบทบาทสำคัญในพล็อตหลัก ทำให้เราได้เห็นตัวละครที่คุ้นเคยในอีกรูปโฉมหนึ่ง และเผชิญหน้ากับความขัดแย้งทางศีลธรรม
  • ตัวละครที่น่าจดจำ:
    Olivia Dunham, Peter Bishop, Walter Bishop เป็นตัวละครที่ได้รับการพัฒนาอย่างดี มีความซับซ้อน และมีประวัติที่น่าสนใจ
ตัวละคร ความสามารถพิเศษ
Olivia Dunham มีความสามารถในการรับรู้สิ่งเหนือธรรมชาติ
Peter Bishop อัจฉริยะด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์
Walter Bishop ผู้เชี่ยวชาญด้านฟิสิกส์และเคมี
  • เนื้อเรื่องที่ซับซ้อน: “Fringe” มีพล็อตหลักที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและเต็มไปด้วยปริศนา การแก้ไขปมปัญหาแต่ละอย่างทำให้เราได้รู้จักตัวละครและโลกคู่ขนานมากขึ้น

ความรู้สึกหลังดู “Fringe”:

หลังจากดูจบ 5 ฤดูของ “Fringe” ฉันรู้สึกว่าซีรีส์เรื่องนี้เป็น Sci-Fi ที่สมบูรณ์แบบ ทั้งเนื้อเรื่อง, การแสดง, และดนตรีประกอบ ต่างก็ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม ฉันสามารถเชื่อมโยงกับตัวละครได้อย่างง่ายดาย และตื่นเต้นกับการไขปริศนาในแต่ละตอน

หากคุณกำลังมองหา Sci-Fi ซีรีส์ที่ไม่เหมือนใคร “Fringe” คือตัวเลือกที่ดีที่สุด!

คำแนะนำ:

  • ดู “Pilot” ตอนแรก:
    “Pilot” จะทำให้คุณรู้จักตัวละครหลักและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • เตรียมใจให้พร้อมสำหรับความซับซ้อน: พล็อตของ “Fringe” ไม่ได้ง่ายเลย คุณต้องตั้งใจดูและวิเคราะห์เนื้อเรื่อง

ฉันหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าจะดู “Fringe” หรือไม่!